แคปแทน ฆ่า กำจัด ป้องกัน เชื้อรา อันเป็นสาเหตุของโรคที่มาจากเชื้อรา
เป็นเหมือนยาสามัญประจำสวนแทบจะทุกสวนครับ ใช้ได้กับไม้ทุกอย่าง ทั้งไม่ดอก ไม้ประดับ ไม้ผล แคทตัส กล้วยไม้ เพราะบ้านเรามีอากาศร้อนชื้นเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งมีฤดูฝนที่ยาวนาน ทำให้พบโรคที่มาจากเชื้อราได้ง่าย และเมื่อเป็นโรคแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะลามไปติดต้นอื่นๆด้วย ดังนั้น เมื่อพบว่าต้นไหนที่เป็นโรคให้รีบแยกต้นนั้นๆออกมาทันทีครับ จากนั้นก็ฉีดพ่นด้วยยาตัวนี้ แล้วสังเกตดูอาการ ถ้ายังไม่หายก็สามารถฉีดพ่นซ้ำได้(ห่างกันอย่างน้อย 3 วันขึ้นไป แนะนำที่ 7 วันครับ)
สำหรับแคปแทนนั้น อยู่ในกลุ่มสารเคมี: Phthalimide เป็นยากำจัดเชื้อรา ประเภทเดียว กับ ออโธไซด์ ครับ(ยาสามัญเก่าแก่ ตอนนี้ไม่มีละ) ให้ผลในทางป้องกันและกำจัดเชื้อรา สำหรับโรคพืชที่กำจัดได้ เช่น โรคเน่าดำ โรคเน่าสีน้ำตาล โรคใบจุด โรคราน้ำค้าง โรคใบไหม้ แอนแทรคโนส เน่าคอดิน
ปริมาณการใช้... ใช้ปริมาณ 5 กรัม (สองช้อนโยเกิร์ต) ต่อน้ำ 2-3 ลิตร ขึ้นอยู่กับจำนวนของไม้ที่ต้องการใช้ครับ ถ้ามีจำนวนน้อยก็ลดปริมาณน้ำและแคปแทนลงในอัตราส่วนที่สัมพันธ์กัน ง่ายๆก็คือ 1 ช้อนโยเกิร์ตต่อน้ำ 1 ลิตรก็ได้ครับ
วิธีใช้...
ใช้แคปแทนผสมกับน้ำ เขย่าให้เข้ากัน แล้วฉีดพ่นให้ทั่ว ทั้งใบ ลำต้น ราก โดยการฉีดพ่นนั้นจะทำตอนเช้าๆก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หรือตอนเย็นๆก็ได้ แต่ที่ไม่ควรใช้ก็คือช่วงแดดออกแรงๆแล้วครับ ใช้ทุกๆเดือน เดือนละครั้ง แต่ถ้าพบโรคก็สามารถให้ได้ 2 อาทิตย์ติดกัน
ที่นิยมใช้แคปแทนอีกอย่างก็คือตอนย้ายต้น หรือเปลี่ยนเครื่องปลูกครับ หรือทำอะไรก็ตามที่อาจจะทำให้รากหรือต้นไม้มีแผล เช่น ตัดราก ย้ายไม้ออกจากขวด เปลี่ยนกาบมะพร้าว พวกนี้แนะนำให้ใช้แคปแทนกันเชื้อราไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ ถ้าแยกหน่อแคทลียายิ่งต้องใช้แคปแทนเลยครับ แต่ถ้าไม่มีแคปแทน แนะนำให้ใช้ปูนแดงที่เอาไว้กินกับหมากทาบริเวณแผลก็ได้เช่นกันครับ
ที่สวนกล้วยไม้ของผม จะให้ยาแคปแทนนี้ทุกๆวันพุธครับ(เดือนละ1-2ครั้ง) เพราะวางไม้ใกล้ชิดกันมากเนื่องด้วยพื้นที่จำกัดและประหยัดในการให้ปุ๋ย และจะให้ปุ๋ยทุกๆวันเสาร์ สำหรับคนที่มีเวลาก็แยกกันให้แบบนี้ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาจะเอาแคปแทนผสมกับปุ๋ยแล้วฉีดไปด้วยกันก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยแนะนำให้ผสมกับปุ๋ยสูตรเสมอครับ เมื่อฉีดพ่นเสร็จพอเขาแห้งก็จะเห็นเป็นเหมือนๆแป้งขาวๆเคลือบอยู่โดยเฉพาะที่ใบจะเห็นได้ชัดครับ ไม่ควรสัมผัสหรือสูดดมนะครับ อันตราย กลิ่นเขาก็แรงพอสมควรเลยครับ
วิธีเก็บรักษา... เนื่องจากเขาเป็นยาป้องกันและกำจัดเชื้อรา ดังนั้นเขาจึงเป็นอันตรายมากนะครับ การเก็บต้องเก็บให้มิดชิด ไม่ให้โดนแสงแดด เพราะเขาจะแห้ง แข็ง เมื่อโดนแสงแดด ความสามารถก็จะลดลง เปิดใช้แล้วก็ควรจะปิดให้สนิท ตอนใช้ก็ต้องระวังให้มากๆ เวลาพ่นต้องอยู่เหนือลม มีเครื่องป้องกันเช่น หน้ากาก ถุงมือ ห้ามหยิบจับอาหาร น้ำดื่ม หรือของกิน รวมทั้งบุหรี่ เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ต้องทำความสะอาด อาบน้ำล้างมือ และที่สำคัญสุดๆก็คือต้องเก็บให้พ้นมือเด็กครับ(อันนี้อันตรายสุดๆจริงๆ)
หมายเหตุ.....สินค้าเป็นตัวแบ่งขาย